วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วิชา ดนตรี/นาฏศิลป์


วิชา สุขศึกษา


วัยรุ่นกับโภชนาการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ 

อาหารและโภชนาการเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์  ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง  มีภาวะโภชนาการที่ดี   เพราะการได้รับสารอาหารที่เพียงพอ  ไม่มากไม่น้อยเกินไป
การเรียนรู้ถึงหลักของโภชนบัญญัติจะทำให้เราบริโภคอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับวัย   วัยรุ่นเป็นวัยที่เจริญเติบโตเร็วจึงควรบริโภคให้ถูกต้อง  เหมาะสมกับวัย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการสร้างเสริมสุขภาพ
อาหารและโภชนาการ 

๑. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ การรับประทานอาหารนับเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก  ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ทางโภชนาการและอาหาร  เพื่อจะได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์  เหมาะสมกับร่างกาย   อันเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ      
๒. ภาวะโภชนาการ ภาวะโภชนาการ  หมายถึง   สภาพหรือสภาวะของร่างกายซึ่งมาจากการบริโภคอาหารซึ่งร่างกายนำอาหารที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ต่างๆ  เช่นการเจริญเติบโต  ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ  ตลอดจนช่วยให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้ตามปกติ
๓. โภชนบัญญัติและธงโภชนาการ
๔. หลักการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับวัย
อาหารที่จำเป็นสำหรับทุกคน ซึ่งแต่ละคนต่างมีความต้องการอาการทั้งในด้านปริมาณและสารอาหารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละวัย โดยเฉพาะวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่การเจริญเติบโตเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบ

 ๕ หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอกับร่างการต้องการ  

 ๖) ข้อความว่า เจือสีธรรมชาติ หรือ เจือสีสังเคราะห์ (ถ้ามีการใช้)แล้วแต่กรณี

           วิธีป้องกันภัยล่วงละเมิดทางเพศ

        สังคมรอบตัวในปัจจุบันนี้นับว่าเป็นสังคมที่ค่อนข้างมีอันตรายแอบแฝงอยู่รอบด้าน โดยเฉพาะกับผู้หญิงด้วยแล้วนับได้ว่ามีภัยอันตรายมากมายที่จำเป็นต้องระวังตัวกันให้ดี โดยเฉพาะการถูกล่วงละเมิดทางเพศก็เป็นอีกภัยหนึ่งที่ยังมีให้เห็นกันอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นข่าวหรือไม่เป็นข่าว วันนี้เรามีวิธีป้องกันตัวจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ มาฝากกัน เพราะจริงๆเรื่องนี้ก็ควรเป็นเรื่องที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า ภัยของการถูกล่วงละเมิดทางเพศจะมาหาเราหรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นการเสียหายเลยถ้าหากผู้หญิงอย่างเราจำเป็นต้องรู้วิธีการที่ควรปฏิบัติเมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศเอาไว้บ้าง

ความสำคัญของระบบประสาท และระบบต่อมไร้ท่อที่มีผลต่อสุขภาพ

ระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อมีผลต่อสุขภาพวัยรุ่น  การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายของคนเรามีคความสัมพันธุ์กัน  ไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้ และการดำรงชีวิตของมนูษย์  ก็ขึ้อยู่กับการทำงานของระบบต่างๆ  ในร่างกายหากระบบใดระบบหนึ่งหรือหลายๆระบบทำงานได้ไม่ดี  ย่อมส่งผลให้สภาวะสุขภาพโดยรวมเกิดปัญหาขึ้นได้
  ระบบทุกระบบในร่างกาย  ล้วนแต่มีความสำคัญต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น  แต่ระบบที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์โดยเฉพาะในช่วง วัยรุ่นมากที่สุดนั่นก็คือ  ระบบประสาทและระบบต่อมไร้ท่อ
ระบบประสาท ( Nervous System ) ระบบประสาทเป็นระบบที่ควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ  ทุกระบบในร่างกายให้ประสานสัมพันธุ์กัน  เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม  และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  คือ ระบบประสาทส่วนกลาง  และระบบประสาทส่วนปลาย
1. ระบบประสาทส่วนกลาง ( Central Nervous System )  ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง  ซึ้งเป็นศูนย์กลางในการประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ  ของร่างกาย  ให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2 . ระบบประสาทส่วนปลาย  ( Peripheral Nervous System )  เป็นระบบประสาทที่เชื่อมต่อจากส่วนต่างๆ  ของสมองและไขสันหลัง

วิชา สังคมศึกษา

เศรษฐกิจพอเพียงเศรษฐกิจพอเพียง 

“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความ เปลี่ยนแปลงต่างๆ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี 
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ 
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ 
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ 
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ  ดังนี้ 
๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฏิบัติ 
๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

วิชา ลูกเสือ

เงื่อนพิรอด
เป็นเงื่อนที่ใช้ประโยชน์มากในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะการต่อปลายเชือก 2 ข้างเข้าด้วยกัน ซึ่งเงื่อนนี้จะแน่นมากแต่ก็แก้ออกได้ง่าย
ประโยชน์ 
        1. ใช้ต่อเชือกขนาดเท่ากัน เหนียวเท่ากัน
        2. ใช้ผูกปลายเชือกเส้นเดียวกัน เพื่อผูกมัดห่อสิ่งของและวัตถุต่างๆ
        3. ใช้ประโยชน์ในการปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น ผูกชายผ้าพันแผล ผูกชายผ้า
        4. ผูกเชือกรองเท้า ผูกโบ


เงื่อนขัดสมาธิ
เงื่อนขัดสมาธิเป็นเงื่อนที่มีประโยชน์ในการต่อเชือกที่มีขนาดต่างกัน หรือขนาดเท่ากัน โดยใช้เส้นใหญ่ทำเป็นบ่วง ส่วนเส้นเล็กเป็นเส้นพันขัด
ประโยชน์ 
         1. ใช้ต่อเชือกขนาดต่างกัน หรือขนาดเดียวกันก็ได้
         2. ใช้ต่อเชือกแข็งกับเชือกอ่อน (เส้นอ่อนเป็นเส้นพันขัด)
         3. ใช้ต่อเชือกที่ค่อนข้างแข็ง เช่น เถาวัลย์
         4. ใช้ผูกเชือกกับสิ่งที่มีลักษณะเป็นขอหรือหูอยู่แล้ว เช่น ธงชาติ
         5. ใช้ต่อเส้นด้าย เส้นไหมทอผ้า


เงื่อนบ่วงสายธนู
เงื่อนบ่วงสายธนู เป็นเงื่อนที่ไม่รูด ไม่เลื่อนเข้าไปรัดกับสิ่งที่ผูก ตัวบ่วงจะคงที่
 ประโยชน์ 
       1. ใช้ผูกสัตว์ไว้กับหลักหรือต้นไม้ เป็นเงื่อนที่ไม่รูดและไม่เลื่อนเข้าไปรัด กับหลัก
           เพราะสามารถหมุนรอบได้
        2. ใช้ผูกเรือกับหลัก เมื่อเวลาน้ำขึ้นหรือน้ำลงบ่วงจะเลื่อนขึ้นลงได้เอง
        3. ใช้คล้องกันธนูเพื่อโก่งคันธนู
        4. ใช้คล้องคนให้หย่อนตัวจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำแทนเงื่อนเก้าอี้
        5. ใช้ผูกปลายเชือก ผูกถังตั้งหรือถังนอน

เงื่อนประมง เงื่อนประมงเป็นเงื่อนที่ใช้สำหรับต่อเชือกที่มีขนาดเดียวกัน ซึ่งเป็นเงื่อนที่รู้จักกันทั่วไปอีกชื่อหนึ่งว่า เงื่อนหัวล้านชนกัน 
ประโยชน์ 
        1. ใช้ต่อเชือก 2 เส้นที่มีขนาดเดียวกัน
        2. ใช้ต่อเชือกเส้นด้ายเล็กๆเช่น ด้ายเบ็ด ต่อเส้นเอ็น
        3. ใช้ผูกคอขวดสำหรับถือหิ้ว(คอขวดที่มีขอบขวด)
        4. ใช้ใช้ต่อเชือกที่มีขนาดใหญ่ที่ลากจูง
        5. ใช้ต่อสายไฟฟ้า

เงื่อนปมตาไก่เงื่อนปมตาไก่เป็นเงื่อนที่ขมวดปลายเชือกให้เป็นปม แต่ถ้าต้องการให้ปมเชือกมีขนาด
ใหญ่ก็ขมวดหลายครั้ง 
ประโยชน์ 
         1. ใช้ผูกร้อยหูเต็นท์
         2. ทำปมบันไดเชือก
         3. สามารถผูกเป็นเงื่อนปากขวดได้

เงื่อนผูกซุงเงื่อนผูกซุงเป็นเงื่อนที่ใช้สำหรับผูกสิ่งของต่างๆ ให้ยึดติดกันแน่น ซึ่งเป็นเงื่อนที่มี
ลักษณะพิเศษ คือ ผูกง่าย แก้ง่าย แต่เป็นเงื่อนที่ยิ่งดึงยิ่งแน่น    ยิ่งดึงแรงมากเท่าไรก็จะยิ่ง
แน่นมากขึ้นเท่านั้น
ประโยชน์ 
        1. ใช้ผูกวัตถุท่อนยาว ก้อนหิน ต้นซุง เสา เพื่อการลากโยง
        2. ใช้ผูกทแยง
        3. ใช้ผูกสัตว์ เรือ แพไว้กับท่าหรือเสาหรือรั้ว ต้นไม้
        4. เป็นเงื่อนที่ผูกง่าย แก้ยาก

เงื่อนตะกรูดเบ็ดเป็นเงื่อนที่ใช้งานต่างๆ มากมาย เช่น ผูกสิ่งของต่างๆ ผูกเหล็ก ผูกรั้ว ผูกตอม่อในการสร้างสะพาน ผูกแขวนรอก ผูกสมอเรือ ผูกบันได ผูกเบ็ด
ประโยชน์ 
       1. ใช้ผูกเชือกกับเสาหรือหลักเพื่อล่ามสัตว์เลี้ยงหรือแพ
       2. ใช้ผูกบันใดเชือก บันใดลิง
       3. ใช้ในการผูกแน่น เช่น ผูกประกบ ผูกกากบาท 

เงื่อนผูกรั้ง
เงื่อนผูกรั้งเป็นเงื่อนที่ใช้ผูกยึดกับสิ่งอื่น ซึ่งเป็นเงื่อนที่มีลักษณะพิเศษ คือ สามารถปรับ
ให้ตึงหรือหย่อนได้ตามความต้องการ
ประโยชน์ 
       1. ใช้ผูกเสาเต็นท์ ยึดเสาธงกันล้ม ใช้รั้งต้นไม้
       2. เป็นเงื่อนเลื่อนให้ตึงหรือหย่อนตามความต้องการ

วิชา วิทยาศาสตร์


วิชา พลศึกษา

สมรรถภาพทางกาย (Physical  Fitness)
ความหมาย
สมรรถภาพทางกายหมายถึง สภาวะความสมบูรณ์ของร่างกายที่จะประกอบกิจกรรมทางกายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีพลังงานเหลือไว้ใช้ในสภาวะที่จำเป็น
สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ
( Health – Related Physical Fitness)
          ความสามารถของระบบต่างๆ ในร่างกายประกอบด้วย ความสามารถเชิงสรีรวิทยาด้านต่างๆ ที่ช่วยป้องกันบุคคลจากโรคที่มีสาเหตุจากภาวะการขาดการออกกำลังกาย  นับเป็นปัจจัยหรือตัวบ่งชี้สำคัญของการมีสุขภาพดี ความสามารถหรือสมรรถนะเหล่านี้ สามารถปรับปรุงพัฒนาและคงสภาพได้ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพมีองค์ประกอบ ดังนี้
1.       องค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) ตามปกติแล้วในร่างกายมนุษย์ประกอบ ด้วย กล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน และ ส่วนอื่นๆ แต่ในส่วนของสมรรถภาพทางกายนั้น หมายถึง สัดส่วนปริมาณไขมันในร่างกายกับมวลร่างกายที่ปราศจากไขมัน โดยการวัดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ไขมัน
2.       ความอดทนของระบบไหลเวียนเลือด (Cardiorespiratory Endurance) หมายถึง สมรรถนะเชิงปฏิบัติของระบบไหลเวียนเลือด (หัวใจ หลอดเลือดและระบบหายใจในการลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายสามารถยืนหยัดที่จะทำงานหรือออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เป็นระยะเวลายาวนานได้
3.       ความอ่อนตัวหรือความยืดหยุ่น (Flexibility) หมายถึง พิสัยของการเคลื่อนไหวสูงสุดเท่าที่จะทำได้ของข้อต่อหรือกลุ่มข้อต่อ
4.       ความอดทนของกล้ามเนื้อ (Muscular Endurance) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อ ในการหดตัวซ้ำๆ เพื่อต้านแรงหรือความสามารถในการหดตัวครั้งเดียวได้เป็นระยะเวลายาวนาน
5.       ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscular Strength) หมายถึง ปริมาณสูงสุดของแรงที่กล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่งหรือกลุ่มกล้ามเนื้อสามารถออกแรงต้านทานได้ ในช่วงการหดตัว ครั้ง

วิชา พระพุทธศาสนา

การสังคายนา

คำว่า สังคายนา” หมายถึง การประชุมสงฆ์เพื่อซักซ้อมความเข้าใจให้ตรงกันเกี่ยวกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา ให้มีแนวทางปฏิบัติเป็นไปในแนวเดียวกัน และเพื่อความมั่นคงตั้งอยู่ได้นานของพระพุทธศาสนา
สาเหตุของการสังคายนา

สาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การทำสังคายนาพระไตรปิฎก ก็เนื่องมาจากความคลาดเคลื่อนของพระพุทธวจนะ เพราะมีการศึกษาและตีความหมายไปแง่มุมต่าง ๆ อันเป็นสาเหตุให้มีข้อวัตรปฏิบัติแตกต่างกัน จึงเป็นเหตุให้พุทธบริษัทผู้ปรารถนาให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ถูกต้องตามคำสอนเดิมตามพระพุทธวจนะ จึงร่วมกันจัดทำสังคายนาขึ้น เพื่อตรวจสอบถึงความถูกต้องและจัดหมวดหมู่พระธรรมวินัย ในชั้นต้นกระทำโดยมุขปาฐะ (ถ่ายทอดโดยใช้คำพูด) ในภายหลังจึงได้จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร โดยใช้ภาษาบาลีหรือมคธ การทำสังคายนานั้น กระทำกันหลายครั้ง แต่การทำอันเป็นที่ยอมรับกันโดยกว้างขวางนั้นมีเพียง ครั้ง โดยจัดทำในประเทศอินเดีย 4ครั้ง และในศรีลังกา ครั้ง

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย

   การศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้อาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์และทางโบราณคดี ลำดับเรื่องราวการ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามลำดับดังนี้

1.นิกายในพระพุทธศาสนา

    การศึกษานิกายในพระพุทธศาสนา เพื่อต้องการให้ผู้เรียนได้เข้าใจในเบื้องต้น เพราะในการศึกษาประวัติการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยได้กล่าวถึงนิกายในพระพุทธศาสนาอยู่ด้วย โดยได้ศึกษาถึงมูลเหตุของการทำสังคายนาครั้งที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดนิกายในพระพุทธศาสนาโดยตรง ดังนี้
    เมื่อประมาณ 100 ปีหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน วงการพระสงฆ์เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ในการตีความหมายพระธรรมวินัย เช่น พระสงฆ์ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าเวลาบ่ายแล้วพระภิกษุฉันอาหารได้ น้ำดองผลไม่ที่มีรสอ่อน ๆ ดื่มแต่น้อยไม่ทำให้ผู้ดื่มเมา เว้นแต่ดื่มมาก พระภิกษุฉันได้ อีกฝ่ายหนึ่งเห็นตรงตามพระวินัยว่าหลังเที่ยงแล้วพระภิกษุฉันอาหารไม่ได้ รวมทั้งน้ำดองผลไม้อย่างนั้นด้วย เพราะถือเป็นสุราเมรัย เป็นต้น
พระสงฆ์ฝ่ายยึดถือพระธรรมวินัยเป็นหลักมี พระยศกากัณฑกบุตร เป็นประธาน ได้รวบรวมพระสงฆ์อรหันต์ได้ 700 องค์ ประชุมทำสังคายนาพระธรรมวินัยที่เมืองไพศาลี เป็นเวลา เดือนจึงแล้วเสร็จ

ความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทยในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติ


1.3  ความสำคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทยในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติ
พระพุทธศาสนาถือได้ว่าเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะคนส่วนใหญ่ ร้อยละ 95 นับถือพระพุทธศาสนา และอยู่เคียงคู่กับชาติไทยมาโดยตลอด ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงมีความสำคัญต่อสังคมไทย พอสรุปได้ดังนี้

1) พระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของคนไทย เพราะคนไทยนำหลักธรรมมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และลักษณะนิสัยของคนไทยมีจิตใจที่ดีงามในทุก ๆ ด้าน มีความเป็นมิตรกับทุกคน เป็นต้น

 2) พระพุทธศาสนาเป็นหลักในการปกครองประเทศ กษัตริย์ทุกพระองค์ของไทยได้นำเอาหลักธรรมพระพุทธศาสนาไปใช้ในการปกครองประเทศ เช่น ทศพิธราชธรรม ตลอดมา หรือใช้หลักธรรมาธิปไตย” และหลักอปาริหานิยธรรม เป็นหลักในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นต้น

 3) พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมจิตใจ เนื่องจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนามุ่งเน้นให้เกิดความรักความสามัคคีกัน มีความเมตตากรุณาต่อกัน เป็นต้น จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนชาวไทยให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน

4) พระพุทธศาสนาเป็นที่มาของวัฒนธรรมไทย ด้วยวิถีชีวิตของคนไทยผูกพันกับพระพุทธศาสนา จึงเป็นกรอบในการปฏิบัติตนตามหลักพิธีกรรมในพระพุทธศาสนาต่าง ๆ เช่น การบวช การแต่งงาน การทำบุญเนื่องในพิธีการต่าง ๆ การปฏิบัติตนตามประเพณีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมไทยจนถึงปัจจุบัน

วิชา ประวัติศาสตร์

การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย

       การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ เป็นการแบ่งช่วงเวลาโดยกำหนดให้เชื่องโยงกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งแบ่งตามลักษณะของนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีที่ได้
         แบ่งยุคสมัยทางประวัตศาสตร์ตามลักษณะหลักฐานออกเป็น ๒ สมัย

         1.  สมัยก่อนประวัติศาสตร์
        สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือ สมัยที่ยังไม่มีลายลักษณ์อักษรเพื่อใช้ในการสื่อสาร ดังนั้นการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ยุคนั้นจึงต้องศึกษาจากเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น เครื่องมือหิน เครื่องปั้นดินเผา รวมทั้งสภาพแวดล้อมเช่น ถ้ำ เพิงผาที่อยู่อาศัย และร่องรอยต่างๆ ที่มนุษย์ยุคนั้นทิ้งไว้ เช่น ภาพเขียนตามผนังถ้ำและเพิงผาโครงกระดูก เมล็ดพืช และซากสัตว์

           สมัยก่อนประวัติศาสตร์สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
    ๑. ยุคหิน     คือ ยุคที่มนุษย์รู้จักนำหินมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งแบ่งตามลักษณะของเครื่องมือหินออกได้อีก ๓ ยุค ได้แก่

·       ยุคหินเก่า
·       ยุคหินกลาง
·       ยุคหินใหม่
     ๒. ยุคโลหะ    คือ ยุคที่มนุษย์รู้จักนำโลหะมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น ๒ ยุค ได้แก่
·       ยุคสำริด
·       ยุคหินเหล็ก


          2.  สมัยประวัติศาสตร์
       สมัยประวัติศาสตร์ คือ สมัยที่มีการใช้ลายลักษณ์อักษรในการสื่อสาร ปัจจุบันการแบ่งช่วงสมัยประวัติศาสตร์ไทย มีหลายแนวคิดแบ่งตามการแบ่งช่วงสมัยประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ พ.ศ. ๘๐๐        ดังนั้นการแบ่งช่วงสมัยประวัติศาสตร์ไทยจึงถือว่าตั้งแต่ประมาณพ.ศ. ๘๐๐ ลงมา

      สมัยประวัติศาสตร์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย แบ่งตามระยะเวลาของเมืองหลวง ดังนี้
    ๑.สมัยก่อนสุโขทัย เริ่มต้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๘๐๐  
     
       เนื่องจากประมาณเวลาช่วงดังกล่าวมีบันทึกของพ่อค้านักเดินทางสำรวจชาวโรมันหรืออียิปต์โบราณ กล่าวถึง ดินแดนแหลมทอง หรือสุวรรณภูมิโดยเรียกว่า ไครเช(Chryse) หรือโกลเดน เคอร์ซอนเนส ( GoldenKhersonese ) ซึ่งแปลว่าแหลมทอง ดั้งนั้น จึงถือว่าประวัติศาสตร์ไทยเริ่มต้นประมาณ พ.ศ. ๘๐๐ต้นมา

       ๒.สมัยสุโขทัย( ประมาณ พ.ศ. ๑๗๙๒ – ๒๐๐๖ )

        เริ่มจากปีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขึ้นครองราชย์สมบัติและสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนกระทั่งเมื่อสุโขทัยถูกรวมกับอาณาจักรอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๐๐๖

       ๓.สมัยอยุธยา ( พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๒๓๑๐ )  
     
         เริ่มจากปีที่รามาธิบดีที่ ๑ ( อู่ทอง ) ขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงอยุธยาเป็นเมืองหลวง เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ จนถึงปีสุดท้ายในรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทรพระเจ้าเอกทัศ ) เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ ซึ่งเป็นปีที่กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย
 ๔. สมัยธนบุรี ( พ.ศ. ๒๓๑๐ – ๒๓๒๕ )   เริ่มจากปีที่พระเจ้าตากสินมหาราชขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงธนบุรเป็นเมืองหลวง เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ จนถึงปีสุดท้ายของรัชกาล เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕

 ๕.สมัยรัตนโกสินทร์ ( พ.ศ. ๒๓๒๕ – ปัจจุบัน)   เริ่มจากปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขึ้นครองราชย์และสถาปนากรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง เมื่อ พ.ศ. จนถึงปัจจุบัน

วิชา ภาษาจีน

คำศัพท์

วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร

ข้อมูล

                ข้อมูล (data) คือ    ข้อเท็จจริง หรือ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ  เช่น ภาพ  เสียง  วีดิโอ  ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ที่เราสนใจ ฯลฯ การรวบรวมข้อมูล เป็น การเริ่มต้นในการดำเนินงาน การรวบรวมข้อมูลที่ดี จะได้ข้อมูลรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ ครบถ้วน  การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหลายวิธี เช่น การใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ การใช้โทรสาร การใช้เครื่องวัดต่าง ๆ การใช้ดาวเทียม การออกแบบสอบถาม ฯลฯ
 สารสนเทศ
                สารสนเทศ (Information) หมายถึง  ข้อมูล หรือ สิ่งซึ่งได้จากการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้มาประมวลผล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ หรือ สารสนเทศ หมายถึง   ข้อมูลที่มีความหมายซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์    ดังนั้น  สารสนเทศจึงหมายถึงข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีการที่เหมาะสมและถูกต้อง  เพื่อให้ได้ผลลัพท์ตรงตามความต้องการของผู้ใช้  ดยอาจเขียนแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลและสารสนเทศ ดังนี้

ระบบสารสนเทศ
                สารสนเทศแบ่งออกตามสภาพความต้องการที่จัดทำขึ้น ดังนี้
1.  สารสนเทศที่ทำประจำ                                                     2. สารสนเทศที่ต้องทำตามกฎหมาย
3. สารสนเทศที่ได้รับมอบหมายให้จำทำขึ้นโดยเฉพาะ

ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ
1. บุคลากร                                             2.  ขั้นตอนการปฏิบัติ                           3. เครื่องคอมพิวเตอร์
4. ซอฟต์แวร์                                          5. ข้อมูล 


ประเภทของข้อมูล
การแบ่งประเภทของข้อมูล อาจแบ่งได้หลายวิธีแล้วแต่จุดประสงค์ของการแบ่งนั้น  ถ้าแบ่งตามการเก็บรวบรวมข้อมูล อาจแบ่งประเภทของข้อมูลเป็น 2 ประเภท คือ
ข้อมูลปฐมภูมิ         กับ     ข้อมูลทุติยภูมิ                                                                   
ข้อมูลปฐมภูมิ     คือ ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง อาจได้จากการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทึก ข้อมูลทุติยภูมิ     หมายถึงข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้แล้วบางครั้งอาจมีการประมวลผลเป็นสารสนเทศไปแล้ว ผู้ใช้ข้อมูลไม่ได้ไปสำรวจเอง ตัวอย่างเช่นข้อมูลสถิติต่าง ๆ ที่มีผู้ทำไว้อาจเป็นหน่วยราชการตลอดจนได้มาจากเครื่องมือวัดต่าง ๆ  ข้อมูลปฐมภูมิจึงเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ได้มาจากจุดกำเนิดของข้อมูล

คุณสมบัติของข้อมูล
ข้อมูลที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 
1. ความถูกต้อง                                      2.ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน           3. ความสมบูรณ์
4. ความชัดเจนและกระทัดรัด              5.ความสอดคล้อง

การทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ                   

                การจัดทำข้อมูลให้เป็นสารสนเทศและการดูแลสารสนเทศ อาจเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1.การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล                   2. การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
3. การดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน

การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล

                ประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล ต้องเก็บข้อมูลให้มากพอ และทันต่อเวลา
การตรวจสอบข้อมูล  ข้อมูลที่เก็บมาต้องมีการตรวจสอบความถูกต้อง ให้มีความเชื่อถือได้ วิธีการตรวจสอบมีหลายวิธีแล้วแต่ความเหมาะสม ถ้าพบข้อผิดพลาดของข้อมูลต้องแก้ไข ข้อมูลที่จะนำไปใช้หรือเก็บบันทึกไว้ต้องถูกต้อง

การดำเนินการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

 การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ อาจประกอบด้วย
1. การจัดแบ่งกลุ่มข้อมูล                                      2. การจัดเรียงข้อมูล
3. การสรุปผล                                                     4. การคำนวณ

การดูแลรักษาสารสนเทศเพื่อการใช้งาน

                อาจประกอบด้วย
1. การเก็บรักษาข้อมูล                                           2. การค้นหาข้อมูล 
3. การทำสำเนาข้อมูล                                            4. การสื่อสาร

การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

          อาจแบ่งตามสภาวะการนำข้อมูลมาประมวลผลได้เป็น 2 แบบ คือ
1. การประมวลผลแบบเชื่อมตรง (online processing) 
เป็นการประมวลผลแบบที่ข้อมูลวิ่งจากปลายทางไปยังเครื่องที่ใช้ในการประมวลผล การประมวลผลแบบนี้เป็นการประมวลผลแบบทันทีทันใด เช่น การจองตัวเครื่องบิน การเบิกเงินจากเครื่อง เอทีเอ็ม ฯลฯ
2. การประมวลผลแบบกลุ่ม (batch processing)
เป็นการประมวลผลเป็นครั้ง ๆ  โดยมีการรวบรวมข้อมูลไว้ก่อนเมื่อต้องการผลก็นำข้อมูลมาประมวล การทำโพลสำรวจ
 

วิชา คณิตศาสตร์


วิชา การงาน

วิธีการทำตุ๊กตาการบูร
https://youtu.be/e40pRKSOjaU

วิธีทำดอกไม้พลาสติก
https://youtu.be/CBnGWNvJSng

วิชา ภาษาอังกฤษ